การลดการปล่อยคาร์บอนในการผลิตเหล็กกล้าจะกำหนดนิยามใหม่ของห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2050

รายงานของ Wood Mackenzie ระบุว่าจะเกิดศูนย์กลางใหม่ในอุตสาหกรรมโลหะ เนื่องด้วยความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมเหล็กกล้า


กรุงลอนดอน ฮุสตัน และสิงคโปร์, Oct. 20, 2023 (GLOBE NEWSWIRE) -- จากรายงาน Horizons ฉบับล่าสุดของ Wood Mackenzie บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเหล็กกล้ามีแนวโน้มที่จะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเมื่อมีการเร่งดำเนินความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอน รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า Metalmorphosis: การลดการปล่อยคาร์บอนกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าอย่างไร ซึ่งเน้นที่การเกิดศูนย์กลางใหม่ของอุตสาหกรรมโลหะ รวมถึงการเปลี่ยนโฉมการผลิตเหล็กกล้าและรูปแบบการซื้อขายในระดับโลก

รายงานฉบับล่าสุดของ Wood Mackenzie ระบุว่าเทคโนโลยีเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric-arc Furnace - EAF) ซึ่งเพิ่มการใช้วัตถุดิบสีเขียว และวิวัฒนาการของนโยบายด้านการปล่อยคาร์บอนจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ การผลิตโดยใช้ EAF ซึ่งเน้นการปล่อยคาร์บอนต่ำมีส่วนในการผลิตเหล็กกล้าคิดเป็น 28% ของทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2050 ซึ่งการบรรลุเป้าหมายนี้จำเป็นต้องมีการลงทุนมูลค่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

การเปลี่ยนไปสู่การผลิตเหล็กกล้าที่ปล่อยคาร์บอนน้อยลงจะกระตุ้นอุปสงค์สำหรับวัตถุดิบสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น DRI (Direct Reduced Iron - เหล็กที่ถลุงด้วยวิธีรีดิวซ์โดยตรง) และเศษเหล็กคุณภาพสูง Wood Mackenzie คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งของวัตถุดิบเหล่านี้ในอุปสงค์ของโลหะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นจาก 36% เป็น 54% ภายในปี 2050 ซึ่งจะนำไปสู่การผลิต การแปรรูป และศูนย์กลางการซื้อขายใหม่ ๆ สำหรับเหล็กและเศษเหล็กที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ

การผลิตและการซื้อขาย DRI ที่เพิ่มขึ้นจะสร้างโอกาสในการลงทุนและการสร้างรายได้ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า Wood Mackenzie ทำนายว่าขีดความสามารถในการผลิต DRI จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 30 ปี ซึ่งต้องอาศัยเงินลงทุนประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการคาดคะเนนี้ไม่ได้นับรวมการลงทุนที่อาจมีขึ้นในไฮโดรเจนสีเขียว โรงหลอมสำหรับ DRI คุณภาพต่ำ ศูนย์กลางแร่อัดก้อน และการขนส่ง

Wood Mackenzie ชี้ว่าตำแหน่งของศูนย์กลางแห่งใหม่ของเหล็กที่ถลุงด้วยวิธีรีดิวซ์โดยตรง (DRI) จะขึ้นอยู่กับระยะห่างจากแหล่งผลิตไฮโดรเจนแบบปล่อยคาร์บอนต่ำ ปัจจัยนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนในด้านการขนส่งและการจัดเก็บไฮโดรเจนที่ซื้อขาย ภูมิภาคตะวันออกกลางและออสเตรเลียอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การคว้าโอกาสครั้งนี้ อีกทั้งจำนวนของโครงการในภูมิภาคทั้งสองนี้ก็กำลังเพิ่มขึ้น

คุณภาพจะมีความสำคัญเหนือปริมาณ เนื่องจากเหล็กกล้าที่ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่ามีราคาสูงขึ้น ในตลาดที่มีราคาคาร์บอนสูง การนำเข้า DRI สีเขียวเพื่อผลิตเหล็กกล้าที่ปล่อยคาร์บอนต่ำโดยใช้ EAF จะเป็นทางเลือกที่น่าพึงพอใจมากกว่าการนำเข้าเหล็กกล้าสำเร็จรูปจากผู้ผลิตที่มีการปล่อยมลพิษ เช่น จีนและอินเดีย

การลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ซึ่งมีส่วนในการปล่อยคาร์บอนคิดเป็นประมาณ 8% ของทั้งโลก นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ หากได้รับการลงทุนและการสนับสนุนด้านนโยบายในระดับที่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีโอกาสที่จะกำหนดนิยามใหม่ให้รูปแบบการซื้อขายและห่วงโซ่คุณค่า

บรรณาธิการแถลง:
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากต้องการขอดูรายงานและนัดหมายสัมภาษณ์กับผู้เขียน กรุณาติดต่อทีมสื่อมวลชนสัมพันธ์ของ Wood Mackenzie

ข้อมูลเกี่ยวกับ Wood Mackenzie
Wood Mackenzie เป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกทั่วโลกด้านแหล่งพลังงานหมุนเวียน แหล่งพลังงาน และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และผลักดันโดยผู้คน ท่ามกลางการปฏิวัติพลังงาน ธุรกิจและภาครัฐต่างต้องการข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือและนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อชักนำการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราดำเนินการครอบคลุมทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งอย่างไม่มีใครเทียบได้ โดยอาศัยประสบการณ์กว่า 50 ปีในด้านทรัพยากรธรรมชาติ

ติดต่อ:
Hla Myat Mon
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ - เอเชียแปซิฟิก
hla.myatmon@woodmac.com